วันนี้เริ่มคั่วกาแฟตั้งแต่เช้าในจำนวนกาแฟที่คั่ววันนี้มีกาแฟ RAINBOW RUNNER ซึ่งเป็นกาแฟชนิดพิเศษที่เราคั่วใช้เองในร้านมิสเตอร์ลี และมีลูกค้าซื้อไปใช้ในร้านรวมถึงสั่งไปทานที่บ้านด้วย สิ่งที่ทำให้กาแฟ RAINBOW RUNNER แตกต่างจากกาแฟตัวอื่นๆที่มีอยู่ทั่วไปคือ เราใช้กาแฟ Specialty Grade จากต่างประเทศทั้งหมด
ซึ่งทำให้เราได้กาแฟอราบิก้าสายพันธุ์ต่างๆที่ให้บุคลิกรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป บางตัวให้ body กาแฟบางตัว smooth&balance บางตัวช๊อคโกแล๊ต แต่กระนั้นสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่ปรากฏเด่นชัดเลยหากเราไม่สามารถคั่วใน profile ที่เหมาะสม เพราะอย่างที่รู้กันกาแฟเมื่อผ่านระดับการคั่ว medium ไปกาแฟบางตัว acidity เริ่มหมดแต่ได้ช๊อคโกแลต(รสกาแฟขมอ่อนๆ)มาแทน ถ้าพิจารณาโดยผิวเผินจะคิดว่าก็ดีนะซิ ก็จริงส่วนหนึ่งครับ แต่อย่าลืมว่าการหายไปของ acidity ย่อมหมายถึงกลิ่นรสบางอย่างของกาแฟหายไปด้วย ช่วงการออกรสของกาแฟจะสั้นลงหากเทียบกับกาแฟในระดับ medium ที่ออกรสช่วงยาวหากมีกาแฟที่มี aftertaste พิเศษจะแสดงตอนท้ายๆ
ถ้าพูดถึง acidity (กรดผลไม้) มักเป็นของแสลงของผู้ดื่ม อุ้ย!..กาแฟเปรี้ยว นั้นคือสิ่งที่ผู้คั่วกาแฟจะต้องระวังในการคั่วไม่ให้ตัวเค้าแสดงบทบาทมากเกินไปอันนี้จะละเอียดลงไปถึงตัวกาแฟที่ใช้และเทคนิคการคั่วของแต่ละท่านครับ แม้ผมเองคั่วกาแฟแทบจะทุกวัน batch แล้ว batch เล่าก็ตามทั้งกาแฟไทยกาแฟนอก แต่ครั้นเวลาปล่อยเมล็ดกาแฟลงไปในเครื่องคั่วผมจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้ที่คั่วออกมาดีที่สุดเหมือนๆเดิมมากที่สุดเรียกว่าถ้ามุดเข้าไปดูในเตาได้คงเข้าไปแล้ว..ว่าไปนั้น แม้จะมั่นใจใน profile ก็ตามแต่ก็ยังคง cupping ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ากาแฟสมบูรณ์ที่สุด โดยเฉพาะเจ้า RAINBOW RUNNER ที่คั่วกลางซึ่งเน้นที่คาแรคเตอร์ที่แตกต่างให้ชัดเจน full body, optimum balance, long finish
อย่างที่กล่าวมาเมล็ดกาแฟคั่วที่เน้นให้กาแฟแสดงคาแรคเตอร์นั้นหากระดับการคั่วขาดนิดเกินหน่อยจะมีผลต่อรสชาติค่อนข้างมาก นี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าเวลาเราได้ตัวอย่างกาแฟทั้งจากต่างประเทศและกาแฟไทยเราจึงต้องคั่วกาแฟ Sample roasted เพื่อcupping ดูบุคลิกของเค้าถ้าเราทราบข้อมูลกาแฟแต่ละตัวแล้วเราพอจะประเมินออกมาได้ว่าการคั่วกาแฟแต่ละตัวจะส่งผลต่อรสชาติอย่างไรหรือเมื่ออยู่ใน blend แล้วเค้าจะมีตำแหน่งการออกรสช่วงไหนและออกรสอย่างไร นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว