วันนี้มีกาแฟมาใหม่หนึ่งตัว จากประเทศที่ได้ชื่อว่าปลูกกาแฟมาเป็นอันดับหนึ่งของโลกรวมไปถึงเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกที่มาที่สุดถึง 5 สมัยประเทศนั้นก็คือบราซิล เราก็ออกอาการตื่นเต้นเล็กน้อยตรวจดูบิลที่แนบมาว่ามีรายละเอียดอะไรบอกมาบ้าง เห็นเขียนว่า Brazil Fazenda Alice estate แต่ที่ทำให้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นคือใต้คำดังกล่าวมีถ้อยคำที่ทำให้อยากcuppingมากยิ่งขึ้นคือคำว่า Yellow bourbon นั่นหมายถึงสายพันธุ์กาแฟชั้นดีที่เหมาะแก่การทำกาแฟ espresso เพราะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่มี sweet อยู่ในตัวเอง
ผมไม่ได้เขียนคำว่าบราซิลเป็นภาษาอังกฤษซะนาน เลยใช้ตัว s แทนตัว z ขออภัยถ่ายรูปไปแล้ว
ไม่รอช้าดมคั่ว sample roast เสร็จก็ทำการ cupping ทันทีแต่คราวนี้ดมมีมา2ถ้วย ไว้เทียบเคียงเริ่ม cupping มันยังร้อนๆอยู่รสเบื้องต้นจืดๆมี acidityนิดหน่อยซักพักพอเย็นลงก็ cupping ตัวหนึ่งช็อคอ่อนๆปนถั่วแต่ไม่มากอีกตัวช็อคอมเปรี้ยวมีกลิ่นแปลกๆพอเย็นอีกนิดยิ่งชัด อีกถ้วยรสนิ่งตลอด clean มากๆไม่มี defect เลยถามดมว่าอีกตัวเป็นอะไรดมบอกว่าเป็นกาแฟไทย Dry process ผมจึงไม่แปลกใจเลยเพราะเพิ่งได้ตัวอย่างกาแฟอราบิก้าไทย Dry processมาลองคั่วชิมดูวันก่อน เพราะเรามักจะเห็นกาแฟไทยนิยมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กๆน้อยโดยเฉพาะการ process ต่างๆไม่ว่าจะเป็น dry process,honey process ซึ่งผมกับดมเคยทดลองและชิมจากไร่ที่เราสั่งกาแฟด้วยมาหลายปีหรือแม้กระทั้งตัวอย่างจากแหล่งอื่นๆของไทยก็นับว่าเยอะพอสมควร แต่ยังไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้เรารู้สึกว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทั้งในแง่รสชาติ body,acidity แต่กลับในทางตรงกันข้ามจะแฝงมาด้วนกลิ่นรสที่ferment(หมักดอง)ทั้งตัวสารกาแฟเองรวมถึงหลังจากคั่วแล้ว ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าคนทั่วไปจะชอบหรือไม่
แต่กลับเจ้า Brazil แล้วเป็น dry process โดยธรรมชาติจะไม่มีกลิ่นหมักดองเลยแม้แต่น้อยทั้งตอนที่เป็นกาแฟสารหรือแม้กระทั้งกาแฟที่คั่วแล้วกลิ่นแห้งสนิท ยิ่งตัวที่ได้มาตัวนี้เป็น pulped natural process แล้ว(สีเชอรี่แล้วตากเลย เป็นศัพท์ดั้งเดิมเดี๋ยวนี้บ้านเราเรียก honey process)กลิ่นนี้แห้งสนิทรสนิ่งไม่แกว่ง แต่ใครที่เคยชิมกาแฟบราซิลจะจะรู้ว่ามันไม่ค่อยมีรสจัดเท่าไหร่ แต่ถ้าทำเป็น espresso ผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครสู้เค้าได้