ช่วงปลายปีได้ขึ้นไปดูกาแฟที่เชียงรายระหว่างทางผมกับเปิ้ลก็แวะทานอาหารตามทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีความตั้งใจจะทานอะไรเป็นพิเศษเราชอบทานอาหารง่ายๆและรวดเร็วแต่กระนั้นตัวผมเองก็จะสังเกตรสชาติอยู่เสมอว่ามีอะไรแปลกใหม่หรือไม่ ซึ่งทริปนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจานเดียว ข้างทางทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยลมหนาวราวๆ12-18องศา พอทนได้
เริ่มจานแรกเลยที่ร้านลมเย็นอุตรดิตถ์ ผมทานแกงไตปลากับพะแนงเนื้อราดข้าวบวกกับต้มแสบกระดูกหมูส่วนเปิ้ลน่าจะเป็นผัดผักกับกระเพราปลาหมึกราดข้าวแต่เห็นผมมีน้ำแกงเลยจัดมะระซี่โครงหมูมา
ตบท้ายด้วยสาคูใส้หมูกับข้าวเกรียบปากหม้อ ตามรูปที่เคยลงบทความเก่าเรื่องทริปกาแฟ
ตอนค่ำที่เชียงรายทานบะหมี่กับซาลาเปาที่ร้านบะหมี่เชียงราย(ฮุยเม้ง) คนเต็มร้านเจ้าของร้าน(น่าจะเป็นลูกสาว)น่ารักทำผมสีเขียวแต่ไม่กล้าถ่ายรูปมา อิ่มแล้วก็มาทานกาแฟที่ใกล้ๆกันวงเวียนหอนาฬิกา
ร้านกาแฟปางขอนกาแฟรสชาตินุ่มนวลอ่อนๆ(อเมริกาโน)ส่วนเปิ้ลเลือกลาเต้ร้อนพอเห็นแก้วเปิ้ลแล้วตกใจทิวลิป 4 ชั้นเต็มแก้วพอดีเหลือกำลัง
ระหว่างนั่งทานมี่หน้าร้านใกล้ 1 ทุ่ม คนแถวนั้นบอกเดี๋ยวหอนาฬิกาจะเปิดเพลงดอกบัวจะบาน เพลงนั้นผมไม่แปลกใจแต่ดอกบัวจะบานผมคิดไปว่าหอนาฬิกาจะกางออกเป็นสี่ทิศพี่คนหนึ่งบอกว่าบานอยู่ตรงกลางหอแล้วชี้ให้ผมดูผมยังนึกขำตัวเองอยู่เลย ย้อนกลับไปตอนที่ออกจากร้านบะหมี่ได้ยินเสียงเพลงเฉลิมพระเกียรติที่แอ๊ดร้องดังลั่นถนนหันไปมองแล้วอดอมยิ้มไม่ได้พร้อมเดินเข้าไปถ่ายรูป
ภาพที่ปรากฏคือรถโบราณประดับไฟเต็มรถ แต่ที่แปลกกว่านั้นคนขับลงมาซื้อบะหมี่ประดับไฟเต็มตัวเหมือนรถเป๊ะ พอมองเข้าไปในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับ 3 คนสิริรวมอายุแล้วน่าจะ ขาด 200 ขวบไปนิดเดียว พอข้ามฝั่งมานักท่องเที่ยวอีกฝั่งสนใจถ่ายรูปกันตรึม
เจ้าของร้านฝั่งโน้นบอกเดี๋ยวแกวนมาแกขับไปทั่วเมืองแถมบอกด้วยว่าบริจาคให้ลุงกำนัน 500,000 บาท แกไม่สนใครอยากจับก็มาจับขำดี เดินต่อมาอีกหน่อยผ่านร้านหนึ่งก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ใช่ บะหมี่ก็ไม่เชิง เลยดอดเข้าไปดู
ที่แท้เป็นราเม็งประยุกต์อิ่มก็อิ่มแต่ขอลองหน่อยนะ ทานไปแล้วก็คุยเล่นกับเจ้าของร้าน เห็นว่าคนญี่ปุ่นสอนทำรสชาติ OK เส้นลวกให้นุ่มอีกนิดจะดี เดินตาลอยกลับที่พักแถมยังแอบซื้อมันเผาติดกลับไปอีกแน่ะ คราวหน้าไปต่อที่แม่สายอีกหน่อยนึง